โดย สมาพร คล้ายวิเชียร

การดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ได้นำมาใช้ในงานต่างๆ อย่างกว้างขวาง เช่น เป็นเครื่องมือในการควบคุมสัาณไฟจราจร ควบคุมไฟฟ้า น้ำประปา การขึ้นลงของเครื่องบิน การค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การสื่อสาร การบริหารจัดการงานในองค์กรต่างๆ หรือแม้กระทั่งการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพื่อสร้าง ภาพที่มนุษย์ไม่สามารถจะสร้างในความเป็นจริงให้เกิดขึ้นได้ (Granam, Neil, 1983:10) ภาพที่ได้จะมีลักษณะ 2 มิติ และ 3 มิติ มีทั้งรูปแบบเหมือนจริงและนามธรรม โดยอาศัยคุณสมบัติพิเศษ ของคอมพิวเตอร์ในการเก็บ (Save) ภาพ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพต่างๆ และนำภาพนั้นๆ กลับมาใช้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

ทางด้านศิลปะ ศิลปินส่วนใหญ่หันมาใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือช่วยสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เช่น งานประติมากรรมหรืองานปั้น ก็สามารถใช้โปรแกรม 3 มิติ ในการออกแบบ เพื่อใช้ใน การทำแบบร่าง ตรวจสอบรูปทรงหรือความคิดก่อนสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานจริง จิตรกร ศิลปินภาพพิมพ์และศิลปินถ่ายภาพก็สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ในการสร้างภาพ ตกแต่งภาพ ตลอดจน ศิลปินสื่อผสมก็สามารถหาแนวทางและใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการสร้างสรรค์ จึงมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของงานศิลปะและประสบกรณ์ใหม่ทางสุนทรียศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตามผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์จากคอมพิวเตอร์นั้น ยังไม่เป็นที่ยอมรับในการประเมินคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ แต่อย่างใด และมักถูกตั้งคำถามอย่างมากจากนักวิชาการศิลปะ นักวิจารณ์ศิลปะ และผู้สนใจศิลปะว่า “ผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์จากคอมพิวเตอร์มีคุณค่าทางความงามหรือคุณค่าทางสุนทรียภาพหรือไม่”

จากที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนจึงเห็นว่าควรนำเสนอคุณค่าทางความงามหรือคุณค่าทางสุนทรียภาพในผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์จากคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เกิดความกระชับในถ้อยคำภาษาในบทความนี้จะขอใช้คำว่า “Computer Art” แทนผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์จากคอมพิวเตอร์

ความเป็นมาของ Computer Art

คอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทในศิลปะและการออกแบบตั้งแต่ ปี ค.ศ.1960 (ศุภกรณ์ ดิษฐ์พันธุ์, 2542 : 57) พอในราว ค.ศ. 1970 ซึ่งเป็นยุคของศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Art)Prince (1988 : 81-88) กล่าวว่า ผลงานศิลปะร่วมสมัยนั้น เป็นผลงานศิลปะที่เข้าใจได้ยาก ผู้ชมงานศิลปะส่วนให่อาจจะเข้าใจความหมายของภาพคลุมเครือ ไม่ชัดเจน ดังนั้นศิลปินจึงมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อช่วยในการสื่อสารและดึงดูดความสนใจของผู้ชม โดยเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดนิทรรศการทางศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

การใช้คอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดแสดงนิทรรศการทางศิลปะนี้กลายเป็นเทคนิคเฉพาะตัวที่มีความทันสมัยเพิ่มมากขึ้น และการเริ่มต้นที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ในการจัดแสดงผลงานศิลปะของโลก จึงทำให้เกิดรูปแบบของผลงานศิลปะร่วมสมัยเกิดขึ้น

จากนั้นใน ปี ค.ศ. 1982 เป็นต้นมา กลุ่มซีกราฟ (Siggraph) ที่ย่อมาจาก The SpecialInterest Group for Graphics ก็มีการจัดแสดงผลงาน Computer Art เรื่อยมา โดยนำเสนอออกมาในรูปแบบของศิลปะภาพพิมพ์ ศิลปะการจัดวาง (Installations) ผลงานสื่อผสม ฯลฯ จนกระทั่งปัจจุบันนี้มีการใช้คอมพิวเตอร์สร้างสรรค์ผลงานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น

Computer Art ในงานทัศนศิลป์

คอมพิวเตอร์มีบทบาทในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ เช่น ประติมากรรม ก็สามารถใช้โปรแกรมประเภท 3 มิติ ในการออกแบบเพื่อใช้ในการทำแบบร่าง ตรวจสอบรูปทรงหรือความคิดก่อนสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานจริง จิตรกรหรือศิลปินภาพพิมพ์ และศิลปินภาพถ่ายก็สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการสร้างภาพหรือตกแต่งภาพ ตลอดจนศิลปินสื่อผสมก็สามารถหาแนวทางและใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการสร้างสรรค์งานประเภทที่แสดงให้เห็นถึงงานสร้างสรรค์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดและชนิดของงาน (O’ Connell, 1994 อ้างถึงในศุภกรณ์ ดิษฐ์พันธุ์, 2542:28) ดังนั้นเพื่อให้เห็นความชัดเจนระหว่างผลงาน Computer Art กับผลงานศิลปะทางด้านทัศนศิลป์ผู้เขียนจึงขอนำเสนอเป็นตารางเปรียบเทียบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้

ตารางที่ 1 : เปรียบเทียบระหว่าง Computer Art กับจิตรกรรม

Computer Art จิตรกรรม
กระบวนการสร้างสรรค์
1. นำเอาองค์ประกอบศิลป์ คือ ส่วนมูลฐานทางศิลปะ เช่น เส้น สี แสงเงา รูปร่าง รูปทรงพื้นผิว บริเวณว่าง และหลักการทางศิลปะ เช่นดุลยภาพ การเน้น ความกลมกลืน จังหวะ การเคลื่อนไหว ความหลากหลาย ความลดหลั่น มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน 1. นำเอาองค์ประกอบศิลป์ คือ ส่วนมูลฐานทางศิลปะ เช่น เส้น สี แสงเงา รูปร่าง รูปทรงพื้นผิว บริเวณว่าง และหลักการทางศิลปะ เช่นดุลยภาพ การเน้น ความกลมกลืน จังหวะ การเคลื่อนไหว ความหลากหลาย ความลดหลั่น มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน
2.ใช้วิธีการสร้างภาพบนจอภาพโดยอาศัยหลักการของแสง สีจะเกิดจากแสงที่อยู่บนจอภาพ แทนการติดของเนื้อสี 2. ใช้วิธีการป้ายสีลงบนพื้นผิว เช่น ผ้าใบ กระดาษซึ่งสีนั้นจะติดลงบนพื้นผิวที่ป้าย จนเกิดเป็นรูปทรงที่จิตรกรต้องการ
3. การเคลื่อนไหวในการสร้างภาพ จะใช้หลักการของความสัมพันธ์ระหว่างสายตากับมือในการควบคุมการใช้เม้าส์หรือปากกาวาดภาพของบนพื้นผิว ภาพที่สร้างจึงไม่เกิดความเคลื่อนไหว 3.การเคลื่อนไหวในการสร้างภาพจะใช้การป้ายสีลงบนพื้นผิวที่ต้อง ซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวไปตามรูปแบบในการป้ายสี เช่น ฝีแปรง เทราดสี เป่า พ่น ภาพที่สร้างจึงมีความเคลื่อนไหวตามการแสดงอารมณ์ของศิลปิน
Computer Art จิตรกรรม
ลักษณะผลงาน
1. ลักษณะของภาพมีความคล้ายงานจิตรกรรมเป็นอย่างมาก คือ ในภาพมีการนำเอาส่วนมูลฐานทางศิลปะและหลักการทางศิลปะมาใช้ในการสร้างภาพ 1. ลักษณะของภาพมีความคล้ายภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก คือ ในภาพมีการนำเอาส่วนมูลฐานทางศิลปะและหลักการทางศิลปะมาใช้ในการสร้างภาพ เช่นกัน
2. พื้นผิวที่เกิดในภาพเป็นพื้นผิวลวงตา ที่สัมผัสได้ด้วยการมอง แต่ไม่ใช่ลักษณะที่แท้จริงของผิววัสดุนั้นๆ 2. พื้นผิวที่เกิดในภาพเป็นพื้นผิวของวัสดุจริง ที่สัมผัสได้ด้วยมือหรือกายสัมผัส
3. ผลงานสามารถสร้างซ้ำได้หลายชิ้น 3. ผลงานมีเพียงชิ้นเดียว

จากตารางสามารถสรุปได้ว่า Computer Art และจิตรกรรมนั้น ได้นำเอาองค์ประกอบศิลป์คือ ส่วนมูลฐานทางศิลปะ เช่น เส้น สี แสงเงา รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว บริเวณว่าง และหลักการทางศิลปะ เช่น ดุลยภาพ การเน้น ความกลมกลืน จังหวะ การเคลื่อนไหว ความหลากหลาย ฯลฯ มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน จึงส่งผลให้ผลงานศิลปะทั้งสองประเภทนี้มีลักษณะของภาพเหมือนกันเกือบจะแยกแยะไม่ออก แต่เนื่องจากความแตกต่างกันของกระบวนการสร้างสรรค์และสื่อที่ใช้ ก็คือ Computer Art ใช้วิธีการสร้างภาพบนจอภาพโดยอาศัยหลักการของแสง สีจะเกิดจากแสงที่อยู่บนภาพแทนการติดของเนื้อสี แต่จิตรกรรมใช้วิธีการป้ายสีลงบนพื้นผิว เช่น ผ้าใบ กระดาษ ซึ่งสีนั้นจะติดลงบนพื้นผิวที่ป้าย ดังนั้นจึงส่งผลให้ผลงาน Computer Art มีพื้นผิวที่เกิดในภาพเป็นพื้นผิวลวงตา ไม่ใช่ลักษณะที่แท้จริงของผิววัสดุนั้น แต่พื้นผิวที่เกิดขึ้นในผลงานจิตรกรรมเป็นพื้นผิวของวัสดุนั้นจริงๆ ที่สัมผัสได้ด้วยมือหรือกายสัมผัส และสิ่งสำคัผลงาน Computer Art สามารถสร้างซ้ำได้หลายชิ้น ไม่มีลักษณะเป็นผลงานชิ้นเดียว (Master Pieces)

ตารางที่ 2 : เปรียบเทียบระหว่าง Computer Art กับภาพพิมพ์

Computer Art

ภาพพิมพ์

กระบวนการสร้างสรรค์

1. นำเอาองค์ประกอบศิลป์ คือ ส่วนมูลฐานทางศิลปะ เช่น เส้น สี แสงเงา รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว บริเวณว่าง และหลักการทางศิลปะ เช่นดุลยภาพ การเน้น ความกลมกลืน จังหวะ การเคลื่อนไหว ความหลากหลาย ความลดหลั่น มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน 1. นำเอาองค์ประกอบศิลป์ คือ ส่วนมูลฐานทางศิลปะ เช่น เส้น สี แสงเงา รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว บริเวณว่าง และหลักการทางศิลปะ เช่นดุลยภาพ การเน้น ความกลมกลืน จังหวะ การเคลื่อนไหว ความหลากหลาย ความลดหลั่น มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน
Computer Art ภาพพิมพ์
กระบวนการสร้างสรรค์
2.ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพ 2. ใช้เครื่องจักรในการสร้างภาพ
3. ขั้นตอนในการสร้างภาพแบ่งออกได้ 2 ขั้นตอน3.1 สร้างภาพและบันทึกในหน่วยความจำ ซึ่งหน่วย
ความจำคล้ายแม่พิมพ์ในการเก็บข้อมูล3.2 แสดงผลบนจอภาพหรือเครื่องพิมพ์
3.ขั้นตอนในการสร้างภาพแบ่งออกได้ 2 ขั้นตอน3.1 เตรียมงานพิมพ์บนแม่พิมพ์และแท่นพิมพ์3.2 สร้างผลงานจากแม่พิมพ์นั้นลงบนสื่อต่างๆ
เช่น กระดาษ ผ้า ไม้
4. สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพต่างๆ ได้ ในคอมพิวเตอร์และนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว 4. สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพต่างๆ ได้จากแม่พิมพ์ แต่มีกระบวนการที่ยุ่งยากหากแม่พิมพ์ถูกทำลายไปแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขและนำกลับมาใช้ใหม่ได้
5. สามารถพิมพ์ภาพได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องกลับด้านจากซ้ายเป็นขวาหรือจากขวาเป็นซ้าย 5. ในการพิมพ์ ภาพจะถูกกลับด้านจากซ้ายเป็นขวาหรือจากขวาเป็นซ้าย
ลักษณะผลงาน
1. ลักษณะของภาพมีความคล้ายงานภาพพิมพ์ คือ ในภาพมีการนำเอาส่วนมูลฐานทางศิลปะและหลักการทางศิลปะมาใช้ในการสร้างภาพ 1. ลักษณะของภาพมีความคล้ายภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก คือ ในภาพมีการนำเอาส่วนมูลฐานทางศิลปะและหลักการทางศิลปะมาใช้ในการสร้างภาพ เช่นกัน
2. พื้นผิวที่เกิดในภาพเป็นพื้นผิวลวงตา ที่สัมผัสได้ด้วยการมอง แต่ไม่ใช่ลักษณะที่แท้จริงของผิววัสดุนั้นๆ 2. พื้นผิวที่เกิดในภาพเป็นพื้นผิวของวัสดุจริง ที่สัมผัสได้ด้วยมือหรือกายสัมผัส
3. ผลงานสามารถสร้างซ้ำได้หลายชิ้น 3. ผลงานสามารถสร้างซ้ำได้หลายชิ้น

จากตารางสามารถสรุปได้ว่า Computer Art และภาพพิมพ์นั้น ได้นำเอาองค์ประกอบศิลป์คือ ส่วนมูลฐานทางศิลปะ เช่น เส้น สี แสงเงา รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว บริเวณว่าง และหลักการทางศิลปะ เช่น ดุลยภาพ การเน้น ความกลมกลืน จังหวะ การเคลื่อนไหว ความหลากหลาย ฯลฯ มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน จึงส่งผลให้รูปแบบและลักษณะของผลงานศิลปะทั้งสองประเภทมีความเหมือนกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งในส่วนของเครื่องมือและกระบวนการสร้างภาพของ Computer Artและภาพพิมพ์ ได้ใช้เครื่องจักรเหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งสามารถสร้างผลงานซ้ำกันได้หลายชิ้น แต่อย่างไรก็ตาม Computer Art มีข้อดีมากกว่าภาพพิมพ์ คือ สามารถเก็บ (Save) ภาพ แก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพต่างๆ และนำภาพนั้นๆ กลับมาใช้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องทำงานกลับด้าน และยังย่อขยายภาพได้ตามต้องการ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ของ Computer Art ล้วนเป็นข้อจำกัดของภาพพิมพ์

จากเปรียบเทียบระหว่างผลงาน Computer Art กับผลงานศิลปะทางด้านทัศนศิลป์ที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ทราบว่าในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยคอมพิวเตอร์มีลักษณะเฉพาะที่มีความเหมือนและความแตกต่างกันอย่างไร กับผลงานจิตรกรรม ภาพพิมพ์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ก็คือ ผลงาน Computer Art เหล่านั้น มีคุณค่าความงามทางเรื่องราวและรูปแบบเช่นเดียวกับผลงานศิลปะประเภทอื่นๆ

สุนทรียภาพหรือความงามในผลงาน Computer Art

ผู้เขียนได้เลือกผลงาน Computer Art ชื่อภาพ “Gone” ผลงานของ “Linda Bergkvist” ศิลปินชาว Sweden เทคนิคโปรแกรมสำเร็จรูป (Software) คือ Painter และPhotoshop นำมาพิจารณาถึงสุนทรียภาพหรือความงามในผลงาน โดยใช้มีรายละเอียดดังนี้

1. การพรรณา (Description) ภาพ “Gone” เป็นภาพที่แสดงถึงเรื่องาวของการตายของชายหนุ่มรูปงามได้นอนตายอยู่บนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ ในอุ้มมือของชายหนุ่มมีขวดยาพิษขนาดเล็กอยู่ ซึ่งสันนิษฐานว่า ชายหนุ่มรูปงามคนนี้น่าเป็นโรมิโอ บรรยากาศในภาพใช้โทนสีเข้ม เช่น สีเขียว สีน้ำตาล ในส่วนของสีโทนสว่าง สีน้ำตาล ในส่วนของสีโทนสว่างจะใช้สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเหลืองอ่อน แบ่งสัดส่วนการใช้สีระหว่างสีสว่างและสีเข้มประมาณร้อยละ 50 ที่ทำให้เห็นความมืดและสว่างของภาพ แล้วยังมีการสร้างให้เกิดความแตกต่างของพื้นผิวในภาพด้วยการใช้รูปร่างรูปทรงของใบไม้สร้างร่องรอยของพื้นผิวขุรขระ แล้วใช้พื้นผิวของผิวกายชายหนุ่มที่มีพื้นผิวเรียบเนียน สร้างให้เกิดความแตกต่างขัดแย้งกันระหว่างความขุรขระของใบไม้กับผิวเนื้อของชายหนุ่ม

2. การตีความ (Interpretation) ภาพ “Gone” เป็นภาพที่มุ่งแสดงออกถึงความงดงามของความตาย เป็นการตายที่สงบศิลปินสะท้อนภาพความตายออกมาเสมือนเป็นการนอนหลับใหล

3. การตัดสิน (Judgment) ผลงาน Computer Art ชิ้นนี้ มีคุณค่าในการแสดงออกทางด้านรูปแบบที่งดงาม โดยศิลปินนำเอาส่วนมูลฐานทางศิลปะในเรื่องของน้ำหนัก สี พื้นผิว รูปร่างและรูปทรง มาสร้างภาพให้เกิดบรรยากาศที่นุ่มนวลละเมียดละไม แต่ก็สามารถใช้น้ำหนักของสีสร้างจุดเด่นให้เกิดขึ้นในภาพ ส่วนคุณค่าความงามทางด้านเนื้อหานั้น ศิลปินนำเรื่องเกี่ยวกับความตาย ซึ่งเป็นสัจจธรรมของโลกมนุษย์ว่าทุกคนเกิดมาต้องตาย มาแสดงออกโดยนำเสนอในมุมมองที่ความตายเป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัว มันเป็นเสมือนการหลับใหลไปเท่านั้นเอง

บทสรุป

การสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะประเภทหนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์ ซึ่งมันเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมาตามความเจริก้าวหน้าของโลกเทคโนโลยี ที่มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการทางด้านความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ดังนั้นในการสร้างสรรค์ผลงาน Computer Art จึงมีเสน่ห์ดึงดูดใจศิลปินให้หันมาใช้วิธีการนี้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ นอกจากนั้นมันยังสามารถเก็บ (Save) ภาพ แก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพต่างๆ และนำภาพนั้นๆ กลับมาใช้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ภาพ Computer Art ก็มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถสร้างพื้นผิวจริงของวัสดุได้ พื้นผิวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงพื้นผิวลวงตา และสิ่งสำคัผลงาน Computer Art นี้ ไม่มีลักษณะเป็นผลงานชิ้นเดียว (Master Pieces) เพราะสามารถทำซ้ำๆ กันได้หลายครั้ง

แต่ในทางตรงกันข้ามการสร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์นั้น มีกระบวนการสร้างภาพที่ต้องใช้เวลา แต่มันสามารถสร้างจินตนาการใหม่ๆ ให้ศิลปินได้ตลอดเวลา และสิ่งสำคัผลงานจิตรกรรม ภาพพิมพ์ ประติมากรรมนั้น มีเสน่ห์อยู่ที่พวกมันสามารถสร้างพื้นผิวของวัสดุนั้นจริงๆ ที่สัมผัสได้ด้วยมือหรือกายสัมผัส

จากที่กล่าวมาไม่ว่าจะเป็น Computer Art หรือจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ล้วนเป็นวิธีการที่ศิลปินนำมาใช้สื่อ เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดฝัน จินตนาการ ของศิลปิน โดยศิลปินเป็นผู้เลือกว่าวิธีการใดที่สามารถนำมาใช้สื่อความหมายที่ตอบสนองความต้องการของตัวศิลปินเองได้มากที่สุด

รายการอ้างอิง

สุชาติ สุทธิ. (2535). การเรียนรู้การเห็น:พื้นฐานการวิจารณ์ทัศนศิลป์. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.

ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์. 2542. การวิเคราะห์ภาพศิลปะที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ เพื่อการพัฒนาทฤษฎีด้านสุนทรียศาสตร์ในบริบทของนฤมิตศิลป์. รายงานการวิจัย. กรุงเทพมหานคร: กองทุนรัชดาภิเษกสมโภช.

Granam, N. 1983. The mind tool : Computers and their impact on society. Saint Paul : West Publiching Company.

Mittler, G.A. 1993. “Art Criticism” Paper present of the Conference of Visual Art Criticism at Rajaphat Institute, Suan Dusit, Bangkok:Thailand, 20-22, December.

Mittler, G.A. 1986. Art in Focus. Peoria, IL:Bennett & Mcknight Publishing.

Prince, P.D. 1988. The aesthetics of exhibition : A discussion of recent American computer art shows. Leonardo. Supplemental Issue, Vol.1, Electronic Art. pp 81-88.

CGSociety. 2009. Computer Art. [Online]. Available from:http://forums.cgsociety.org. [2009, January 20].

Pictopia. 2009. Woman Undresses Sitting in a Landscape. [Online].Available from:http:// pictopia.com. [2009, January 20].

Leave a Reply